วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2560

ข้อดีของ Mechanical Keybord และ Switch แต่ละแบบ



Image result for ปุ่ม แมคคานิคอล กับ เซมิแมคคานิคอล แตกต่างกันยังไง
Mechanical Keyboard
 Mechanical Keyboard

              ปัจจุบัน Mechanical Keyboard ถูกใช้กันเป็นอย่างมากในกลุ่ม Gamer เพราะว่ามันเจ๋งกว่าคีย์บอร์ดธรรมดาตรงทีความรู้สึกที่เรากดไปเราสัมผัสได้ว่าเราได้กดลงไปแล้วและมีความแม่นยำในการกดต่างจากคีย์บอร์ดธรรมดาตรงที่เวลากดไปแล้วอาจจะกดไม่ได้ติดทำให้เราต้องกลับมาพิมพ์ใหม่แต่คีย์บอร์ดประเภทนี้จะนิยมใช้กับ Gamer เพื่อเพิ่มความเเม่นยำในการออกสกิลต่างๆได้อย่างมือโปรและเผลอๆอาจจะทำให้จังหวะในการออกสกิลของคุณนั้นได้รับชัยชนะจากเกมส์ในตานั้นๆเลยก็เป็นได้แต่ถ้าใช้ Keyboard ปุ่มธรรมดา หรือ ปุ่มยาง บางครั้งในการกดแต่ละทีอาจจะมีติดบ้างไม่ติดบ้างและนั้นก็เป็นสาเหตุที่ทำไม Mechanical keyboard นั้นถึงดีกว่าคีย์บอร์ดธรรมดาแต่คีย์บอร์ด Mechanical ก็มี Switch หลายๆแบบให้เราเลือกใช้เราไปดูกันเลยดีกว่า

           White Switch     

Image result for white switch keyboard

               จะเป็น Switch แบบ Tactile คือมีจังหวะการกดสองจังหวะซึ่ง Switch ตัวนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไหร่เพราะด้วยน้ำหนักที่ต้องออกแรงในการกดพอสมควรที่จะคล้ายๆกับตัว Black Switch แต่ Mechanical Keybord บางรุ่นยังเลือกไปติดตั้งเอาไว้ซึ่งน้ำหนักที่ใกล้เคียงกับ Black Switch นี้เองทำให้หลายๆคนที่สัมผัสในครั้งแรกจะเข้าใจผิดว่าเป็นตัว Black Switch อยู่บ่อยๆ



             Black Switch


Image result for black switch
Black Switch
           ปุ่ม Black Switch นั้น จะใช้แรงกดมากที่สุดในบรรดา Mechanical Keyboard สำหรับบางคนที่ชอบกดปุ่มคีย์บอร์ดแรง จะเหมาะกับ Switch ตัวนี้มากการเด้งเป็นแบบจังหวะเดียวซึ่งถ้าซื้อไปพิมพ์งานอาจจะไม่ค่อยเหมาะเพราะว่าด้วยเรื่องราคาอาจจะสูงเกินไปแต่ถ้าซื้อมาเล่นเกมส์ Switch ตัวนี้จะทำให้คุณกดปุ่มได้แม่นยำและเกิดการผิดพลาดน้อยมากเพราะด้วยการกดที่ต้องใช้แรงกดกว่า Switch ตัวอื่นๆ
          

                  Blue Switch





Image result for blue switch
Blue Switch

               Blue Switch จะเป็นปุ่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบันเพราะว่าการกดที่เบากว่าพริ้วไหวดุจสายน้ำไหลการกดที่เบามาก และการทำงานแบบสองจังหวะของตัว Switch เหมาะกับการเล่นเกมสำหรับคนที่กดสกิลรัวๆแบบเมามันส์ Switch ตัวนี้จะตอบโจทย์มากมายและสามารถฟฟพิมพ์งานได้ด้วยเพราะ Switch ตัวนี้ใช้แรงกดที่น้อยทำให้เราพิมพ์ได้อย่างราบรื่นแต่เสียงของ Switch ตัวนี้อาจจะดังไปนิดนึงทำให้คนรอบข้าง พ่อ แม่ พี่ อาจจะรำคานได้เพราะเสียงมันจะดัง ป็อกแป๊ก แต่สำหรับคนกดเองอาจจะชอบก็ได้ยังไงก็ควรที่จะหาที่เล่นคนเดียวเพื่อไม่ให้คนอื่นรำคานด้วยนะครับ


                            Red Switch 


Image result for red switch
Red Switch


              Red Switch เป็น Switch ที่ต้องใช้แรงกดพอๆกับ Black Switch มีการกดเพียงจังหวะเดียวโดยจะเป็นที่นิยมในปัจจุบันเพราะเราสามารถนำมา เล่นเกม หรือ แม้แต่จะพิมพ์งาน ได้เพราะน้ำหนักการกดที่เบากว่า Black Switch จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่กด Keyboard แรงๆ แต่ไม่แรงเท่าการกด Black Switch ซึ่งจะให้ความรู้สึกต่างกัน



                         Brown Switch


brownswitch
Brown Switch

                   Brown Switch เป็นอีกหนึ่ง Switch ที่เกมเมอร์หลายคนเลือกใช้อยู่เหมือนกันด้วยการกดปุ่มแบบ Tactile หรือการกดแบบ 2 จังหวะเหมือนกับตัว Blue Switch ฺ  Brown ได้รับการแก้ไขให้มีเสียงกดระหว่างใช้งานลดลงจากตัว Blue Switch ระดับหนึ่งใครที่ชอบการกดแบบ 2 จังหวะแต่เสียงเบากว่า Blue Switch ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเช่นกัน




                   Green Switch


Image result for green switch
Green Switch

        สำหรับคนที่เล่นเกมแล้ว Green Switch อาจจะเป็นความฝันของใครหลายๆคนที่อยากจะได้มาครอบครองลองใช้สักครั้งนึงในชีวิตด้วยการที่กดง่ายกว่า Black และ Blue Switch ทำให้การกดนี่นลื่นไหลดุจสายน้ำไหลกว่าตัวอื่น แต่ด้วยราคาของเจ้าตัว Green Switch นี้แล้วอาจจะสูงเกินไปสำหรับใครหลายๆคน


           เป็นยังไงบ้างครับกับ Switch ที่นำมาเสนอ  Switch แต่ละตัวก็จะมีความพิเศษของตัวมันเองก็แล้วแต่เราว่าชอบสไตล์แบบใหนก็เลือกให้เข้ากับสไตล์ของเราเองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมหรือพิมพ์งานนั้นเองครับแต่ Mechanical Keybord ก็มีข้อดีข้อเสียนะครับ

ข้อดี
1. การกดแต่ละครั้งนั้นคุณจะรู้สึกได้เลยว่ามันดีกว่าคีย์บอร์ด ธรรมดามาก
2. ป้องกันการกดผิดได้ในระดับหนึ่งยิ่งถ้าอยู่ในช่วงตัดสินแพ้ชนะการกดสกิลของเรากับการตอบสนองของคีย์บอร์ดก็สามารถทำให้รู้ผลได้เลยทีเดียว
3. วัสดุที่ได้มาตรฐาน ทนทาน เเข็งแรง ลงทุนครั้งเดียวไม่ต้องซื้อไปอีกหลายเดือนหรือถ้าใช้แบบถนอมนิดนึงอาจจะอยู่ได้เป็นปี
4. ไฟในตัวคีย์บอร์ด  เป็นส่วนหนึ่งสำหรับใครหลายๆคน เพราะการออกแบบไฟที่สวยงามนั้นทำให้เราเพลินไปกับไฟที่วิ่งอยู่บนคีย์บอร์ดและบาง ยี่ห้อ เราสามารถปรับไฟตามที่เราต้องการได้เลยครับ

ข้อเสีย
1. ราคา    ราคาอาจจะเเพงเป็นนิดนึงแต่ผมบอกเลยว่าคุ้มค่าแก่การหาซื้อมาใช้แน่นอนครับ
2. น้ำหนัก  น้ำหนักอาจจะหนักกว่าคีย์บอร์ดธรรมดาเท่าไป
3. ทำความสะอาดยาก อาจจะต้องเเกะออกมาทุกปุ่มเพื่อปัดฝุ่นเช็ดคีย์บอร์ดทำความสะอาดอาจจะใช้เวลาหน่อยในการทำความสะอาด

          การที่เราจะหาคีย์บอร์ด ดีๆมาใช้สักตัวนั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ตัดสินใจยากสำหรับใครบางคน และสำหรับบางคนอาจจะราคาแพงไปแต่ในปัจจุบันมีหลายราคาให้เราเลือกใช้ให้เราได้จับจองเป็นเจ้าของกันโดยจะมีราคาตั้งแต่ 1500+ จนถึง 5-600 เลยทีเดียวครับก็แล้วแต่กำลังทรัพย์ของแต่ละคนแต่ผมบอกเลยว่าถ้าใครยังไม่เคยลองแล้วเปลี่ยนมาลองใช้คุณจะติดใจจนไม่อยากกลับไปใช้คีย์ตัวเดิมของคุณอีกเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น